หากพูดถึงสัตว์นักล่าซึ่งน่ากลัวที่สุดในทะเล
หลายคนอาจนึกถึงฉลาม แต่ว่าก็มีสัตว์นักล่าที่อันตรายยิ่งกว่าฉลาม
และอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในทะเล นั่นคือสัตว์ในวงศ์เดียวกับโลมา คือวงศ์ Delphinidae ซึ่งหลายคนรู้จักชื่อของเจ้าโลมานักล่าชนิดนี้ในชื่อของ
“วาฬเพชฌฆาต” (Killer Whale) หรือ
“ออร์ก้า” (Orca)
วาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
อาศัยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก รวมไปถึงทะเลในเขตร้อน
ลักษณะเด่นของมันคือมีด้านบนของลำตัวสีดำ ด้านล่างของลำตัวและด้านหลังของดวงตามีสีขาว
มีครีบหลังขนาดใหญ่รูปสามเหลี่ยม โดยทั่วไปตัวผู้ที่โตเต็มวัย จะมีความยาว 7 -
10 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 6 - 7 ตัน
ส่วนตัวเมียมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย คือ 6 – 8 เมตร
หนักประมาณ 4 – 7 ตัน แต่มีอายุเฉลี่ยที่ยืนยาวกว่า คือ 50
– 60 ปี อาจมากที่สุดได้ถึง 100 ปี
และอาจยืนยาวถึงร้อยปี ขณะที่วาฬตัวผู้มีอายุเฉลี่ยราว 30 – 40 ปี และยืนยาวที่สุดเพียง 60 ปีเท่านั้น
ซึ่งเราสามารถแยกเพศของพวกมันได้จากครีบกลางหลัง
ตัวผู้จะมีครีบที่ตั้งสูงและสูงประมาณ 2 เมตร
ขณะที่ตัวเมียครีบหลังสั้นและโค้งมน
วาฬเพชฌฆาตตัวเมียจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย
เมื่ออายุประมาณ 8 - 14 ปี ตัวผู้อยู่ที่ 10 – 16 ปี
เมื่อโตเต็มวัยแล้ว ตัวผู้หนึ่งตัวจะผสมพันธุ์กับตัวเมียหลายตัว
ตัวเมียอุ้มท้องนาน 1 ปี และตกลูกเพียงครั้งละหนึ่งตัว
ลูกวาฬเพชฌฆาตวัยแรกเกิดมีความยาวประมาณ 2 - 3 เมตร
และหนักประมาณ 200 กิโลกรัม
ลูกวาฬจะอาศัยอยู่กับแม่และให้แม่สอนเทคนิคการล่าเหยื่อให้ จนอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี
กว่าจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นที่สามารถเอาตัวรอดได้โดยไม่ต้องอาศัยแม่อีก
การที่พวกมันได้ชื่อว่าวาฬเพชฌฆาต
เนื่องจากอาหารของพวกมันคือสัตว์ทะเลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลา เต่า หมึก นกเพนกวิน
แมวน้ำ สิงโตทะเล หรือแม้แต่ฉลามที่ว่าดุร้ายก็ตาม และเมื่อมันตั้งใจจะล่าแล้ว
เหยื่อของมันจะมีโอกาสรอดต่ำมาก
สิ่งที่ทำให้มันเป็นนักล่าที่น่ากลัวที่สุดในท้องทะเลประกอบด้วยหลายปัจจัย
อย่างแรกคือวาฬเพชฌฆาตสามารถว่ายน้ำได้เร็วกว่า 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความไวที่สูงพอสมควร
หากเทียบกับความไวบนบกแล้วจัดว่าใกล้เคียงกับม้าแข่งพันธุ์ดี
ซึ่งหากกลายเป็นเป้าหมายการล่าของมัน แล้วถูกว่ายตามด้วยความไวขนาดนี้ใต้น้ำแล้ว
โอกาสหนีพ้นช่างน้อยนิดเหลือเกิน
นอกจากจะไวจนหนีได้ยากแล้ว
จะพรางตัวหลบมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อมันมีวิธีตรวจจับสิ่งต่างๆ
ได้แม้จะไม่ใช้ตามอง วิธีการดังกล่าวเรียกว่า "Echolocation"
มันคือการปล่อยคลื่นความถี่สูงที่มนุษย์ไม่อาจได้ยิน หรือ
"คลื่นเหนือเสียง" ให้เดินทางผ่านตัวกลาง (เช่นน้ำหรืออากาศ)
และเมื่อคลื่นตกกระทบวัตถุ มันจะสะท้อนกลับไปยังตัววาฬเพชฌฆาตที่สามารถรับคลื่นความถี่สูงได้
การใช้เทคนิคนี้ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่ในพื้นที่
และสามารถหาขนาดและรูปร่างของวัตถุ โดยไม่จำเป็นต้องมองเห็นมัน
มนุษย์ได้มีการศึกษา
และพัฒนาวิธีการดังกล่าวมาเป็น "Sonar"
(sound navigation and ranging) หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจสอบใต้น้ำ
เอาไว้ใช้ค้นหาเรือดำน้ำ เรือที่จมในทะเล หรือหาฝูงปลาทะเล
นอกจากเหยื่อไม่สามารถพรางตัวจากการไล่ล่าของวาฬเพชฌฆาตได้
หากเป้าหมายของมันไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นความถี่สูงแบบเดียวกับพวกมัน
ก็ยากที่จะมองเห็นผู้ล่าได้ เนื่องจากด้านบนของลำตัววาฬเพชฌฆาตเป็นสีเข้ม
ด้านล่างเป็นสีอ่อน ทำให้เมื่อมองจากทะเลด้านบน สีของมันจะกลมกลืนกับพื้นทะเล
หากมองจากด้านล่างจะกลมกลืนกับแสงอาทิตย์
หากมองจากในน้ำที่แสงมีการหักเหมากกว่าในอากาศแล้ว การสังเกตเห็นมันด้วยตาถือเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่ง
ความอันตรายอีกประการในฐานะนักล่าที่สำคัญที่สุด
ซึ่งทำให้มันกลายเป็นผู้ล่าที่น่ากลัวที่สุดในท้องทะเล
คือเหล่าวาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์สังคม มันมักจะออกล่าเป็นฝูงเหมือนหมาป่า
โดยมีตัวเมียเป็นผู้นำฝูง และมีเทคนิคในการล่าที่ต่างกันไปตามประเภทของเหยื่อ
เช่นหากเหยื่อเป็นฝูงปลาขนาดเล็ก
พวกมันจะช่วยกันไล่ต้อนฝูงปลาขนาดเล็กขึ้นไปเหนือผิวน้ำ และเมื่อขึ้นไปได้
มันจะเอาหางฟาดผิวน้ำจนฝูงปลาช็อกด้วยแรงสั่นสะเทือน แล้วจึงจับกินได้ตามสบาย
นอกจากปลาขนาดเล็กแล้ว
มันอาจล่าสัตว์ขนาดใหญ่กว่ามันหลายเท่าได้ด้วยพลังสามัคคี
อย่างวาฬสีน้ำเงินที่ความยาวเฉลี่ย 26 – 30 เมตร หนัก 100 – 200 ตัน
พวกมันก็สามารถใช้ทีมเวิร์กในการล่า จับวาฬขนาดใหญ่แบบนั้นมากินเป็นอาหารได้
เรียกได้ว่านอกจากจะมีความสามารถติดตัวที่สูง ยังมีความสามัคคี
ทำงานเป็นทีมได้ดีเยี่ยม จะครองจุดสูงสุดบนห่วงโซ่อาหารก็ไม่แปลกเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตาม
วาฬเพชฌฆาตในธรรมชาติไม่ทำร้ายมนุษย์เช่นเดียวกับโลมา
แม้มนุษย์จะตกลงไปในทะเลกลางฝูงของพวกมัน
แต่พวกมันก็มักจะช่วยเหลือให้กลับเข้าฝั่งแบบโลมาชนิดอื่นๆ
อาจเพราะรสชาติมนุษย์ไม่ถูกปาก หรือมันอาจจะรู้ได้ว่าหากทำร้ายมนุษย์แล้วอาจจะถูกตามแก้แค้นก็ไม่อาจทราบได้
แต่ก็มีข่าวการทำร้ายมนุษย์จากวาฬเพชฌฆาตที่ถูกจับมาขังอยู่บ้าง
อาจเพราะความเครียดของมันก็เป็นได้
ดังนั้นก็ช่วยกันอนุรักษ์มันเอาไว้ในธรรมชาติ
อย่าไปเบียดเบียนมันด้วยการไล่ล่า หรือจับมาขังก็คงจะดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น